กรมอนามัยลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA Self Collection
วันที่ 13 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมราชพฤกษ์ ชั้น 6 อาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ ๗ ขอนแก่น นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เป็นประธาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)โครงการเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA Self Collection โดยมี นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นพ.ชาตรี เมธาธราธิป ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ ๗ ขอนแก่น นพ.อุดม ภู่วโรดม สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ ๗ ผู้แทนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย, ไปรษณีย์จังหวัดขอนแก่น,ร้านยาเอ็กซ์ต้า พลัส บริษัท CP A จำกัดมหาชน, สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ,ประกันสังคมจังหวัด ที่ได้รวมพลังกันดำเนินโครงการนี้ในเขตสุขภาพที่ ๗ และนำร่องในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับว่า วันนี้ได้ร่วมจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในวันนี้ ท่านทั้งหลายล้วนมีบทบาทสำคัญยิ่ง ต่อการสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคของประชาชนในสถานประกอบการในเขตสุขภาพที่ ๗ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งการสร้างสุขภาพเป็นหน้าที่ๆ สำคัญของเราทุกคน แต่จะสำเร็จได้ตามเป้าหมายนั้น นอกจากความใส่ใจและปฏิบัติอย่างจริงจัง ต่อเนื่องของทุกคนแล้ว การมีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมพลังขับเคลื่อนไปพร้อมกันก็สำคัญยิ่งเช่นวันนี้ที่มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA Self Collection นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคของพนักงานหญิงในสถานประกอบการ รวมถึงโอกาสการรับรู้และเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอันพึงได้รับอย่างแท้จริง
นายแพทย์ชาตรี เมธาธราธิป ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ ๗ ขอนแก่น กล่าวกล่าวรายงานว่า ขอรายงานความเป็นมาให้ทราบดังนี้ โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหา สำคัญทางสาธารณสุขของประเทศไทย โดยสถิติเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ ๒ ในผู้หญิงไทยและมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก แต่รักษาให้หายได้หากพบในระยะแรกเริ่ม และเพื่อลดจำนวนหญิงไทยที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระยะแรกเริ่มเพื่อนำไปสู่การรักษาจึงเป็นมาตรการสำคัญโดยก่อนหน้านี้ได้บรรจุเป็นสิทธิประโยชน์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับหญิงไทยอายุ ๓๐-๖๐ ปี ทุกสิทธิการรักษา โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยบริการ บริการตรวจคัดกรองด้วยวิธี Pap Smear ซึ่งเป็นวิธีที่แพร่หลายและใช้โดยทั่วไปในประเทศไทยมากว่า 70 ปี หรือวิธี VIA ที่เป็นการตรวจโดยชโลมปากมดลูกด้วยน้ำส้มสายชู ต่อมาปี ๒๕๖๓ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้เห็นชอบให้เริ่มดำเนินการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย HPV DNA Self Collection แทนการตรวจด้วยวิธี Pap Smear และ VIA ซึ่งเป็นไปตามข้อแนะนำ (Guideline) การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกฉบับปรับปรุงเดือนกันยายน ๒๕๖๑ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิผลของบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
“สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ เริ่มนโยบายตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Self Collection นำร่อง ๘ เขตสุขภาพ ๑๔ จังหวัด ในปี ๒๕๖๓ พบว่า ผู้เข้าถึงการคัดกรองเพียงร้อยละ ๑๐ ปี ๒๕๖๔ นำร่อง ๔๑ จังหวัด พบว่า ผู้เข้าถึงการคัดกรองเพียงร้อยละ ๒ และปี ๒๕๖๕ สถิติ ๖๓ ร้อยละ ๕ ปี ๖๔ ร้อยละ ๑๕ ปี ๖๕ ร้อยละ ๒๕พบว่าผู้เข้าถึงการคัดกรองเพียงร้อยละ ๒๕ ดังนั้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง (HPV DNA SelfCollection) นำร่องในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้แก่ กรมอนามัย KTB ผู้พัฒนาระบบกระเป๋าบริการสุขภาพ ร้านสะดวกซื้อ Seven extra ที่เป็นจุดกระจายชุดตรวจ สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานเขตสุขภาพ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และศูนย์ที่ ๗ ขอนแก่น ได้ทำโครงการเพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง นำร่องในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง (HPV DNA Self Collection) โดยมีหน่วยงานที่ร่วมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จำนวน ๑๘ หน่วยงาน และแขกผู้มีเกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเปิดว่า ตนรู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาเปั่นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) โครงการเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA Self Collection ในวันนี้จากคำกล่าวรายงานของนายแพทย์ชาตรี เมธาธราธิป จะเห็นได้ว่าเรื่องมะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของไทย ซึ่งพบในสตรีเป็นอันดับ 2 และสถิติการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA ไม่ถึงร้อยละ ๕- จึงได้ทำโครงการเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA Self Collection ในวันนี้ ตนขอเรียนว่า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดี โดยมีการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการส่งเสริมสุขภาพการจัดการปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ และการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี รวมทั้งการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อมุ่งเน้นให้ประชาชนมีความรู้และทักษะในการดูแลตนเอง ครอบครัวและชุมชน รวมตลอดจนถึงการสนับสนุนให้หน่วยงานส่วนภูมิภาค และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพและจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดีโดยถ้วนหน้าเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีต่อไป.