1. แจ้งผู้ปกครองเมื่อบุตรหลานมีอาการเจ็บป่วย เมื่อมีนักเรียนคนใดที่มีอาการไอ จาม มีน้ำมูก มีไข้ ให้รีบทำการแจ้งผู้ปกครองทันที เพื่อให้ปกครองรับทราบและนำบุตรหลานของตนเองไป กักตัว 14 วัน หรือ เข้ารับการตรวจสอบรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงนักเรียนที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารสุขได้ประกาศไว้
2. คัดกรองนักเรียนบริเวณทางเข้าโรงเรียน ก่อนเข้าโรงเรียนหรือสถานศึกษาให้มีการตรวจและคัดกรองนักเรียนในเบื้องต้น อย่างเช่นการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้อินฟาเรด เมื่อทำการตรวจสอบแล้วให้ทำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ไว้บนเสื้อหรือร่างกายของนักเรียน เช่น ตราปั๊ม สติ๊กเกอร์ หรืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อบ่งบอกว่านักเรียนคนดังกล่าวได้รับการคัดกรองแล้วในเบื้องต้น นอกจากการตรวจวัดอุณหภูมิแล้ว ให้เตรียมการจัดอุปกรณ์ล้างมือไว้ตรงบริเวณหน้าประตูเข้า-ออกของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์เจลล้างมือ สเปรย์ฆ่าเชื้อ หรือ สบู่เหลวล้างมือ ไว้ตามอ่างล้างมือรอบโรงเรียน ทั้งนี้หากพบเจอนักเรียนที่มีอาการป่วยภายในโรงเรียน ให้คุณครูนำนักเรียนคนดังกล่าวแยกออกไปอยู่ภายในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก จากนั้นจึงติดต่อผู้ปกครองให้มารับนักเรียนคนดังกล่าวไปตรวจรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
3. ทำความสะอาดอุปกรณ์และสถานที่ต่าง ๆ เมื่อมีผู้กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว หากมีบุคลากรในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นครู ผู้ดูแลนักเรียน นักเรียน หรือบุคคลภายนอกอย่าง ผู้ปกครอง ที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน เข้ามาในสถานที่นั้น ๆ ของโรงเรียน ให้ทางโรงเรียนรีบดำเนินการทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ทั้งหมด รวมถึงสถานที่ดังกล่าวทั้งภายในและภายนอกของอาคาร ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19 โรงเรียนอาจพิจารณาในการปิดโรงเรียน ตามที่เห็นสมควร โดยควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและเครื่องพ่นละอองฝอยที่ได้มาตรฐาน
4. พิจารณาการจัดกิจกรรมในโรงเรียน หากมีกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันเกิน 300 คน ไม่ว่าจะเป็น การปฐมนิเทศ, รับน้อง, กีฬาสี, ปัจฉิมนิเทศ, กิจกรรมวันเด็ก, กิจกรรมเข้าค่าย และ ทัศนศึกษา ควรที่จะงดจัดและทำกิจกรรรมข้างต้นไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและนักเรียนนอกจากนั้นแล้วห้องเรียนและโรงอาหารก็ควรที่จะมี การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยให้มีระยะห่างต่อบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร ทั้งนี้เพื่อยกระดับความปลอดภัยก็ควรที่จะต้องมีฉากกั้นระหว่างโต๊ะหรือระหว่างบุคคล
5. จัดให้มีการดูแลอาคารและยานพาหนะ จัดการทำความสะอาดห้องและสถานที่ที่ใช้ร่วมกันหลายคน ด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรือ ผงซักฟอก เช่น ห้องสมุด, โรงอาหาร, ห้องเรียน, โรงยิม, ห้องคอมพิวเตอร์, ห้องดนตรี เป็นต้น จัดการทำความสะอาดรถรับ-ส่งนักเรียน ด้วยผงซักฟอก หรือ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟอกขาว) ในส่วนที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง เช่น ที่เปิดประตู ที่นั่ง ที่วางแขน เป็นต้น ทั้งนี้ก่อนไปรับและหลังส่งนักเรียนให้เปิดหน้าต่างรถทุกครั้งเพื่อให้รถได้ถ่ายเทอากาศ เปิดประตู หน้าต่าง ในห้องที่มีการใช้ร่วมกัน เช่น ห้องเรียน, โรงอาหาร, ห้องประชุม, ห้องสมุด เป็นต้น ทั้งนี้หากในสถานที่นั้น ๆ มีเครื่องปรับอากาศ ให้ทางโรงเรียนดำเนินการทำความสะอาดเครื่องอย่างสม่ำเสมอ
6. จัดให้มีการดูแลร้านอาหาร การจำหน่ายอาหาร โรงอาหาร หากผู้ขายหรือผู้สัมผัสอาหารมีไข้ รวมถึงอาการไอ จาม มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย ให้หยุดดำเนินการและรีบพบแพทย์ทันทีขณะปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสอาหาร ให้ทำการสวมหมวกคลุมผม หน้ากากอนามัย ผ้ากันเปื้อน ถุงมืออนามัย ทั้งนี้ต้องปฏิบัติงานให้ถูกต้องตามสุขลักษณะส่วนบุคคลด้วยห้ามไอและจามใส่อาหาร ควรล้างมือก่อนและหลังประกอบอาหารอย่างสม่ำเสมอปกปิดอาหารและใช้อุปกรณ์ที่มีความสะอาดในการคีบหรือจับอาหาร ห้ามใช้มือหยิบจับอาหารโดยตรงทำความสะอาดโรงอาหาร ร้านจำหน่ายอาหาร รวมถึงจุดเสี่ยงต่าง ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อได้ อีกทั้งภาชนะใส่อาหารก็ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเช่นกันควรแจกจ่ายอาหารให้นักเรียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากประกอบอาหาร หากเกิน 2 ชั่วโมงให้ทำการอุ่นอาหารให้เดือดและจึงค่อยแจกจ่ายใหม่ ทางโรงเรียนควรควบคุมอาหารที่ทำให้นักเรียนได้รับโภชนาการครบ 5 หมู่ มีความสะอาด ปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียน นอกจากนั้นนักเรียนยังต้องได้รับประทานผักผลไม้ปลอดสารพิษตามฤดูกาล ตามมาตรฐานอาหารกลางวันโรงเรียนไทย (Thai School Luch) อย่างน้อย 70 – 100 กรัม
7. ทำความสะอาดและดูแลห้องน้ำ ทำความสะอาดในจุดที่สัมผัสบ่อย ด้วยผงซักฟอก หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟองขาว) *ควรทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง* ซักผ้าและไม้ถูกพื้นที่ใช้เช็ดทำความสะอาด ด้วยผงซักฟอก หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟองขาว) จากนั้นนำไปพึ่งแดดให้แห้งเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและฆ่าเชื้อโรคให้หมด
8. ควบคุมครูและบุคลากรในโรงเรียน กรณีมีอาการเจ็บป่วย เช่น อาการไอ จาม มีน้ำมูก มีไข้ ให้บุคคลดังกล่าวทำการแจ้งหัวหน้างานและดำเนินการหยุดงานทันที หลังจากนั้นจึงพบแพทย์เพื่อตรวจสอบและรักษาอาการข้างต้น นอกจากนี้แล้วถ้าหากบุคลากรคนใดที่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขหรืออยู่ในช่วงกักตัว ให้บุคคลดังกล่าวทำตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาด ควรใส่ถุงมือทำความสะอาด, หน้ากากผ้า, ผ้ายางกันเปื้อน, รองเท้าผ้ายางหุ้มแข้ง หรือ รองเท้าบูทกันเชื้อโรค นอกจากนี้การหยิบขยะในแต่ละครั้งจำเป็นที่จะต้องใช้ไม้คีบอยู่เสมอ และการเก็บขยะที่ถูกต้องควรจะนำเอาขยะไปใส่ถุงขยะและปิดให้มิดชิด จากนั้นจึงนำไปกองรวมในที่พักขยะ หลังจากที่ปฏิบัติงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำคืออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ผู้ปฏิบัติงานควรป้องกันตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อหรือการล้างมือด้วยสบู่ รวมไปการหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณ หน้า ตา ปาก จมูก
9. ให้ความรู้ผู้ปกครองและนักเรียนเกี่ยวกับโรคโควิด 19 ให้มอบหมายคุณครูได้จัดการเตรียมสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้และแนะนำนักเรียน เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็นการสอนวิธีล้างมือที่ถูกต้อง การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกวิธี หรือการปฏิบัติตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค เพื่อให้นักเรียนรู้ว่า การกลับไปโรงเรียนในช่วงโควิด 19 ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
ข้อปฏิบัติสำหรับโรงเรียน มหาวิทยาลัย ในสถานการณ์ COVID 19