ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. สรุปใจความสำคัญ ดังนี้
เศรษฐกิจอีสานไตรมาส 4 ปี 2567 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นจากพืชเศรษฐกิจหลักที่มีผลผลิตกระจายตัวมากขึ้น ได้แก่ ข้าว ยาง และอ้อย อีกทั้งผลของเงินโอนจากภาครัฐ (10,000 บาท) เข้ามาช่วยเติมเงินในกระเป๋า ให้ประชาชนมีเงินไปจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์และของกินของใช้ แต่ฐานะการเงินของทั้งธุรกิจและครัวเรือน เปราะบางขึ้น ตามการปล่อยสินเชื่อ ที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อส่วนบุคคล จากพัฒนาการของเศรษฐกิจอีสาน ตั้งแต่ไตรมาส 1 ที่ยังดูอ่อนแรง ทะยอยปรับดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงไตรมาส 4 ทำให้เห็นว่า ทั้งปี 2567 เศรษฐกิจอีสานปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ
สำหรับปี 25668 คาดว่า เศรษฐกิจอีสานจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรและการใช้จ่ายของภาครัฐ ที่จะส่งผลดีต่อไปที่การค้าขายและการผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง แต่ภาคการเงินที่มีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น อาจทำให้เศรษฐกิจอีสานโตต่ำกว่าที่คาดได้ หากกล่าวโดยสรุปทั้งปี 2567 และ 2568 จะเห็นความเป็นสองด้านของเศรษฐกิจการเงินอีสาน ที่พื้นตัวบนความเปราะบางของฐานะการเงิน ซึ่งในความเปราะบางของฐานะการเงินนี้ แบงก์ชาติได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง และจะทำต่อไปอย่างเจาะจงเฉพาะกลุ่มมากขึ้นซึ่งล่าสุดนี้
แบงก์ชาติได้อออกโครงการ คุณสู้ เราช่วย เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEsสำหรับประชาชนที่เข้าเงื่อนไขและสนใจเข้าร่วมมาตรการ
สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของแบงก์ชาติ(https://www.bot.or.th/khunsoo)ภายในวันที่ 28 ก.พ. 2568 นี้ หากมีข้อสงสัยในการลงทะเบียน สามารถขอคำแนะนำได้ที่สาขา และ call center ของเจ้าหนี้ หรือติดต่อสายด่วนแบงก์ชาติ โทร. 1213